ที่นอนยางพารากำลังได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากให้ความนุ่มสบาย โอบรับสรีสระของร่างกายได้ดี อายุการใช้งานนานมาก (โดยทั่วไปมากกว่า 20 ปี) ที่นอนยางพาราราคาถูกที่มีขายในบ้านเรามีทั้งแบบทำจากยางพารา 100% และแบบผสมวัสดุอื่นๆ (แต่โฆษณาว่าเป็นที่นอนยางพารา 100%) ดังนั้นถ้าเราสังเกตุไม่เป็นหรือไม่รู้หลักการเลือกที่นอนยางพาราที่ถูกต้อง ก็อาจจะโดนหลอกได้
ในบรรดาที่นอนทุกชนิดที่นอนยางพารานั้นมีราคาสูงที่สุด แต่ก็มีความคงทน มีอายุการใช้งานที่ยาวนานสูงสุดถึง 20 ปี ที่นอนยางพารา โดยเฉพาะที่เป็นยางพาราแท้ 100% นั้นจะค่อนข้างหนัก แต่ผู้ใช้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยกที่นอนเพื่อพลิกสลับด้าน หรือเคลื่อนย้ายที่นอนออกไปตากแดดแต่อย่างใด เนื่องจากคุณสมบัติหนึ่งของที่นอนยางพาราคือการไม่กักเก็บความชื้นและฝุ่นละออง ที่นอนแบบนี้จึงไม่มีกลิ่นอับ เพียงแค่เปิดหน้าต่างให้ห้องมีอากาศถ่ายเทอยู่เป็นประจำก็เพียงพอแล้ว
นอกจากนี้ ที่นอนยางพารายังมีคุณสมบัติของความเป็นยางคือมีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง จึงวางใจได้ว่าจะไม่ยุบตัวเป็นแอ่งตรงจุดที่นอน มีความนุ่มพอสมควร ทั้งนี้ความยืดหยุ่นของที่นอนยางพาราจะขึ้นอยู่กับปริมาณความเข้มข้นของยางพารา ซึ่งผู้ซื้อต้องตรวจสอบให้ดี เนื่องจากที่นอนประเภทนี้ถ้าเป็นยางพาราแท้ๆ จะมีราคาสูง ผู้ผลิตหลายรายจึงมักจะนำวัสดุอื่นๆ เช่น ใยมะพร้าว ฟองน้ำ ยางสังเคราะห์ เข้ามาเป็นส่วนผสมซึ่งคุณสมบัติที่ได้จะไม่ดีเท่าที่นอนยางพารา100%
ที่นอนยางพาราจะมีกลิ่นของยาพาราในช่วงแรกที่ซื้อมาเนื่องจากที่นอนถูกห่อพลาสติกเอาไว้ แต่กลิ่นเหล่านี้จะจางลงไปเมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่ง การเลือกที่นอนยางพาราควรคำนึงถึงค่าความหนาแน่นหรือ Density ซึ่งจะเป็นตัวที่บอกว่าที่นอนยืดหยุ่นมากน้อยเพียงใด โดยทั่วไปจะใช้ค่าความยืดหยุ่นที่ 85 แต่ถ้าเลือกซื้อที่นอนสำหรับผู้สูงอายุค่าความยืนหยุ่น 110 เป็นช่วงที่เหมาะสม ความหนาแน่นที่มากขึ้นจะทำให้สามารถนั่งทรงตัวบนที่นอนได้ง่ายขึ้นเวลาลุกจากที่นอน ส่วนผู้ที่น้ำหนักตัวค่อนข้างมากจะเหมาะกับค่าความหนาแน่นที่ 65